อายุการใช้งานกี่ปี ดูแลรักษาอย่างไร
ฟิล์มรถยนต์ อุปกรณ์สำคัญสำหรับคนขับขี่รถยนต์ การเลือกใช้ฟิล์มรถยนต์แต่ละประเภทย่อมมีความแตกต่างกัน รวมไปถึงการจะติดฟิล์มรถยนต์กี่เปอร์เซ็นต์ดีจึงจะเหมาะสมสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าต่อการใช้งานอย่างสูงสุดนั้นเอง เนื่องจากฟิล์มรถยนต์ช่วยกันความร้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ภายในห้องโดยสาร ช่วยถนอมวัสดุอุปกรณ์ ช่วยป้องกันแสงแดดUV ช่วยให้การมองเห็นชัดเจนในขณะขับขี่รถยนต์ และยังเป็นตัวช่วยเสริมความเป็นส่วนตัวของผู้ขับขี่และผู้โดยสารอีกด้วย
ฟิล์มรถยนต์แต่ละประเภทมีอะไรบ้าง และควรจะติดฟิล์มรถยนต์เท่าไหร่
ปัญหาหนักใจเรื่องการเลือกติดฟิล์มรถยนต์ของรถคุณกำลังจะหมดไป เพราะเราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับฟิล์มรถยนต์กันว่ามีกี่ชนิด และจะติดที่เปอร์เซ็นต์เท่าใด รวมไปถึงการดูแลรักษาฟิล์มรถยนต์อย่างถูกวิธี เพื่อยืดอายุการใช้งานฟิล์มรถยนต์ให้ยาวนานเพิ่มมากขึ้นนั้นเอง
ในปัจจุบันฟิล์มรถยนต์มีให้เลือกแบ่งตามคุณสมบัติที่จำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไปมีอยู่ 5 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
- ฟิล์มรถยนต์กรองแสงแบบปกติ
สามารถป้องกันรังสียูวีได้ดีในระดับหนึ่ง คุณสมบัติสะท้อนแสงจากภายนอก ช่วยลดปริมาณความร้อนสะสมได้เพียงเล็กน้อย ซึ่งจะมีราคาที่ไม่สูงมากนัก แต่เมื่อใช้งานไปนาน ๆ สีของฟิล์มรถยนต์จะเริ่มซีดลงได้เอง เกิดเป็นรอยขีดข่วน และสร้างความเสียหายให้กับกระจกรถยนต์ได้
- ฟิล์มรถยนต์แบบปรอท หรือ ฟิล์มเคลือบโลหะ
ฟิล์มกรองแสงที่มีความแวววาว คุณสมบัติช่วยลดความร้อนภายในห้องโดยสารได้มากถึง 90 % สามารถช่วยป้องกันรังสียูวี ตัวฟิล์มรถยนต์กรองแสงถูกย้อมด้วยสีที่มีส่วนผสมของโลหะที่จะถูกฝังอยู่ภายในชั้นของฟิล์ม ลักษณะของฟิล์มจะมีความแข็งแกร่ง ป้องกันรอยขีดข่วนได้ มองตอนกลางวันจากภายนอกเข้าไปที่รถยนต์ พบว่ากระจกจะมีลักษณะคล้ายสายรุ้ง แต่จะมองเข้าไปไม่เห็นตัวห้องโดยสาร ข้อจำกัดของฟิล์มกรองแสงรถยนต์อาจทำให้อุปกรณ์ Easy Pass และ GPS ใช้งานได้ไม่ค่อยสะดวกมากนัก
- ฟิล์มรถยนต์กรองแสงแบบไฮบริด
ฟิล์มรถยนต์ที่เป็นลูกผสมระหว่างฟิล์มสีเมทัลไลซ์ และฟิล์มย้อมสี จึงมีส่วนผสมของโลหะที่ฝั่งอยู่ในชั้นฟิล์ม คุณสมบัติกรองแสงได้ดี สีจะไม่ซีด ป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ข้อจำกัดคือ ราคาค่อนข้างสูง ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมอย่างแพร่มากนัก
- ฟิล์มรถยนต์กรองแสงแบบคาร์บอน
ฟิล์มรถยนต์ที่มีลักษณะพื้นผิวด้าน เนื้อฟิล์มจะมีส่วนผสมของคาร์บอนสะท้อนแสง คุณสมบัติพิเศษที่ช่วยสะท้อนความร้อนได้ดี กักเก็บความร้อนได้มาก มีความทนทานสูง
- ฟิล์มรถยนต์กรองแสงแบบเซรามิค
ฟิล์มติดรถยนต์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงสุด ด้วยคุณสมบัติป้องกันแสงแดดและเด่นในเรื่องการป้องกันรังสี UV มีความทนทาน แข็งแรง เป็นฟิล์มรถยนต์เกรดพรีเมียม เนื้อฟิล์มละเอียดคมชัด ไม่ส่งผลต่อสัญญาณ GPS , Easy Pass ฟิล์มชนิดนี้ไม่สะท้อนแสง จึงส่งผลทำให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่ดีกว่าฟิล์มประเภทอื่น ๆ ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ลักษณะพิเศษคือฟิล์มภายนอกจะมีสีดำ ทำให้เพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่เมื่อเข้ามานั่งภายในรถยนต์จะสว่างใส มองเห็นภายนอกได้ปกติ แต่จะมีราคาค่อนข้างสูงกว่าฟิล์มรถยนต์ประเภทอื่น ๆ
การติดฟิล์มรถยนต์
การติดฟิล์มรถยนต์ความเข้มแต่ละเปอร์เซ็นต์จะมีหมายหมายที่ความแตกต่างกัน เปอร์เซ็นต์ของความเข้มฟิล์มจะเริ่มที่ 40%, 60%, 80%
- ขับกลางวันเป็นหลัก กระจกบานด้านหน้าติดฟิล์มรถยนต์ 60% และกระจกรถยนต์บานรอบคันติดฟิล์มที่ 80% หรือจะติดฟิล์มที่ 60% รอบคันทั้งหมดทุกด้านเลยก็ได้
- ขับกลางคืนเป็นหลัก กระจกบานด้านหน้าติดฟิล์มรถยนต์ 40% ติดฟิล์มที่ 60% รอบคันทั้งหมดทุกด้านได้เลย เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
ฟิล์มรถยนต์ มีอายุการใช้งานกี่ปีกันนะ
โดยทั่วไปแล้วอายุการใช้งานของฟิล์มรถยนต์นั้น จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 5 – 10 ปี กันเลยทีเดียว และหลังจากคุณภาพของฟิล์มจะค่อย ๆ เริ่มเสื่อมสภาพไปเรื่อย ๆ ซึ่งปัจจัยของสภาพอากาศและอุณหภูมิความร้อนคือส่วนสำคัญส่วนที่ทำให้ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ สามารถเสื่อมสภาพเร็วได้ในที่สุด
วิธีดูแลรักษาฟิล์มรถยนต์ต้องทำอย่างไรบ้าง
- หลีกเลี่ยง ารเช็ดกระจก 30 วันหลังการติดตั้งฟิล์มรถยนต์
- ห้าม ใช้ผ้าหยาบ วัสดุอื่นเนื้อแข็ง ๆ เช็ดบนฟิล์ม
- อย่าใช้น้ำยาล้างกระจกที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียเด็ดขาด
- ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ เช็ดคู่กับน้ำสะอาดหรือสบู่ชนิดอ่อนสำหรับทำความสะอาดฟิล์มรถยนต์
ฟิล์มรถยนต์เป็นสิ่งจำเป็น อย่าให้เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร จะได้ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนกันบ่อย ๆ ทำให้สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เลือกฟิล์มติดรถยนต์ให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานและสภาพของรถยนต์ของคุณ
ขอบคุณเครดิตรูปภาพอ้างอิง : pixabay
อ่านเพิ่มเติมที่ การดูแลรถ